ประชาชนถ่ายรูปหน้าต้นคริสต์มาสประดับไฟยักษ์ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญการตลาด ภัทรพงศ์ ฉัตรภัทรศิลป์
อารมณ์รื่นเริงในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนเทศกาลปีใหม่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับภาคธุรกิจในการเพิ่มยอดขาย เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอาจบดบังความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปี 2566
ด้วยความเชื่อมั่นในการจับจ่ายตามปกติที่กลับคืนมาเมื่อมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดสิ้นสุดลง บวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายชุดที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ประกอบการธุรกิจต่างคาดการณ์ถึงแนวโน้มที่สดใสกว่าที่จะดำเนินต่อไปจนถึงต้นปี 2566
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการบางรายเชื่อว่ารัฐบาลควรใช้ความพยายามมากขึ้นในการส่งเสริมภาคส่วนสำคัญ เช่น การท่องเที่ยว ท่ามกลางการฟื้นตัว
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศช่วงวันที่ 30 ธ.ค.-2 ม.ค. จะสร้างรายได้ให้การท่องเที่ยวและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 1.45 หมื่นล้านบาท ขณะที่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงดังกล่าวคาดว่าจะสูงถึง 1.55 หมื่นล้านบาท
การใช้จ่ายรวมกัน 3 หมื่นล้านบาทคิดเป็น 50% ของระดับในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19
สำนักวิจัยฯ กล่าวว่า แม้จำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมจะดีขึ้นจากปีที่แล้ว แต่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังต้องติดตามหลายปัจจัย ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและโลกที่อาจกระทบต่อกำลังซื้อของนักท่องเที่ยว และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั้งที่มีอยู่และใหม่ ผู้ประกอบการ
การใช้จ่ายที่ใช้งานอยู่
สนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้คาดว่าจะคึกคักที่สุดในรอบ 3 ปี โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดคลี่คลายลง
“ก่อนเกิดการระบาด คนไทยใช้เงินประมาณ 1 แสนล้านบาทในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โควิด-19 ทำให้การใช้จ่ายลดลงเหลือไม่ถึง 1 แสนล้านต่อปี” นายสนั่นกล่าว
“ด้วยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไปและการคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประมาณ 10-11.5 ล้านคนในปีนี้ อารมณ์ของการเฉลิมฉลองน่าจะกลับมาเป็นปกติ”
เขาบอกว่าคนพร้อมจับจ่ายสินค้าคงทนมากขึ้น โดยอ้างยอดจองรถกว่า 42,000 คันในงานมหกรรมยานยนต์ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.
“เราเชื่อว่าการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่จะทะลุ 1 แสนล้านบาท ไม่ว่าภาครัฐจะมีมาตรการกระตุ้นหรือไม่ก็ตาม” นายสนั่นกล่าว
“การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่จะก่อให้เกิดกิจกรรมในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม เตือนให้ทุกฝ่ายจับตาภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 1 ปีหน้า เพราะการชะลอตัวทั่วโลกน่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการส่งออกของไทย
ของขวัญไม่เพียงพอ
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า รัฐบาลควรใช้มาตรการเพิ่มเติมนอกเหนือจาก “แพ็คเกจของขวัญปีใหม่” เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อช่วยให้ประเทศสามารถทนต่อภาวะถดถอยทั่วโลกที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าว
เกรียงไกร เธียรนุกูล ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า “เป็นเรื่องดีที่รัฐบาลอนุมัติโครงการกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงเทศกาล แต่ทางการจำเป็นต้องคิดให้มากขึ้นเกี่ยวกับวิธีทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโต เนื่องจากชาวต่างชาติยังคงเดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น” เกรียงไกร เธียรนุกูล ประธาน ส.อ.ท. กล่าว
การท่องเที่ยวจะกลายเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญเนื่องจากการส่งออกคาดว่าจะชะลอตัวในปีหน้าเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ซบเซาในยุโรปและสหรัฐอเมริกา เขากล่าว
ธนาคารโลกเตือนก่อนหน้านี้ถึงภาวะถดถอยทั่วโลกในปี 2566 หลังจากธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อตอบสนองต่ออัตราเงินเฟ้อที่สูง
“การผลิตของไทยจะขยายตัวไปในทิศทางเดียวกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น” นายเกรียงไกรกล่าว
เขาเชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเป็น 21 ล้านคนในปีหน้า
ชาวมาเลเซียและชาวอินเดียเป็นหนึ่งในตลาดหลักสำหรับการท่องเที่ยวหลังจากการเปิดประเทศอีกครั้งและการผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทาง
“นักท่องเที่ยวจีนจะตามมาในไตรมาสที่ 3 ของปีหน้า หากปักกิ่งยังคงผ่อนคลายนโยบายปลอดโควิด” นายเกรียงไกรกล่าว
เขาต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนและแนะนำผู้ประกอบการโรงแรมให้ปรับบริการให้เข้ากับนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ เช่น อินเดีย นักท่องเที่ยวอินเดียมีการใช้จ่ายสูงระหว่างการเข้าพักที่นี่ นายเกรียงไกรกล่าว
โรงแรมสามารถเน้นให้บริการอาหารอินเดีย โดยเฉพาะอาหารมังสวิรัติ เนื่องจากนักท่องเที่ยวอินเดียจำนวนมากไม่รับประทานเนื้อสัตว์ เขากล่าว
โรงแรมอาจต้องการเพิ่มวัฒนธรรมอินเดียในการบริการเพื่อสร้างความประทับใจแก่แขกชาวอินเดียมากขึ้น นายเกรียงไกรกล่าว
ด้วยแนวโน้มการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะได้รับแรงผลักดัน รัฐบาลควรใช้โอกาสนี้ใช้ Soft Power เพื่อส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรมไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในที่สุด เขากล่าว
นายเกรียงไกรกล่าว
การใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงคาดว่าจะคึกคักที่สุดในรอบสามปี สมชาย พุ่มสอาด
ไอทีบูสเตอร์
ผู้ค้าสินค้าไอทียอมรับมาตรการลดหย่อนภาษี “ช้อปดีมีคู่” หนุนยอดขายต้นปีหน้า
สมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท SiS Distribution Thailand ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายสินค้าเทคโนโลยี กล่าวว่า โครงการดังกล่าวสามารถกระตุ้นการซื้อสินค้าไอที โดยเฉพาะแกดเจ็ต สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ
โครงการปีที่แล้วมียอดขายเพิ่มขึ้น 30-40% จากระดับปกติ เขากล่าว
นายสมชัยกล่าวว่า นักช้อปที่คาดว่าจะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 40,000 บาท เชื่อว่าเป็นผู้มีรายได้สูงและไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ หรือค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง นายสมชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นดังกล่าวไม่น่าจะกระตุ้นผู้ที่มีรายได้น้อยให้ซื้อสินค้า เนื่องจากสินค้าไอทีจำนวนมากถูกซื้อในช่วงที่มีโรคระบาด ซึ่งเป็นช่วงที่การทำงานทางไกลและการเรียนออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เขากล่าว
ประวิทย์ ชินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ไอที บรรเลง ชินอินเตอร์ เห็นตรงกันว่ามาตรการคืนภาษีจะเป็นประโยชน์สำหรับการใช้จ่ายซื้ออุปกรณ์ไอทีและอุปกรณ์เสริม โดยเฉพาะสินค้าสำหรับเด็ก เช่น นาฬิกาอัจฉริยะที่ออกแบบมาสำหรับเด็กเล็ก
สินค้าเทคโนโลยีสำหรับเด็กมีศักยภาพในการเติบโต 200-300% ต่อปี เมื่อเทียบกับสินค้าไอทีสำหรับผู้ใหญ่ เนื่องจากตลาดนี้กำลังเติบโตเต็มที่ โดยเติบโตปีละ 10% เขากล่าว
ประวิตรเชื่อตลาดแมสเน้นใช้มาตรการคืนภาษีสินค้าอุปโภคบริโภค
“เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะชะลอตัวในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยได้รับผลกระทบจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนที่ซบเซา และสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่เป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจมหภาค” เขากล่าว
ประวิตร คาดการณ์ตลาดไอทีปีหน้าทรงตัว
บริษัทวิเคราะห์ตลาดด้านเทคโนโลยี Counterpoint กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงและสงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบต่อการซื้อสมาร์ทโฟนในไตรมาสที่สาม เนื่องจากยอดจัดส่งโทรศัพท์มือถือลดลง 12% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงเวลาดังกล่าว
ภาคเทคโนโลยีของประเทศกำลังบันทึกการลงทุนที่อ่อนแอเช่นกัน Counterpoint กล่าวในรายงาน
“ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยอาจใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ในการฟื้นตัว สำหรับตอนนี้ กลุ่มผู้มีฐานะร่ำรวยกำลังช่วยสร้างสมดุลและรักษาตลาดสมาร์ทโฟน” รายงานระบุ
ธุรกิจตามปกติ
มาริษา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า โรงแรมยังคงจัดงานปีใหม่เพื่อรองรับแขกตามปกติ เพราะรัฐบาลไม่ได้ประกาศยกเลิกหรือห้ามจัดงานดังกล่าว
เธอกล่าวว่าคาดว่าจะมีการเฉลิมฉลองที่คึกคัก แม้ว่าภาคเอกชนจะมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยที่ได้รับคำสั่งจากทางการ
ครม.เพิ่งประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นของขวัญปีใหม่ ทั้งลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 15% นางมาริสากล่าวว่า จะดีกว่าหากภาคโรงแรมได้รับส่วนลดมากขึ้น เพราะแบกรับภาระต้นทุนหนักจากโควิด- 19 เป็นเวลาสองปี
“แม้ว่าโรงแรมหลายแห่งมีอัตราการเข้าพักที่ดี แต่อัตราการฟื้นตัวจะแตกต่างกันไปสำหรับโรงแรมในแต่ละกลุ่ม” เธอกล่าว
ก่อนหน้านี้ THA เสนอลดภาษี 75% และ 50% ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ
นางมาริสากล่าวว่า THA กำลังเรียกร้องให้มีการผ่อนชำระเงินกู้มากกว่า 3 ครั้งโดยไม่มีดอกเบี้ย เนื่องจากโรงแรมหลายแห่งยังคงต่อสู้กับต้นทุนการดำเนินงานที่สูงลิ่ว
ด้วยราคาประเมินที่ดินใหม่ที่กำหนดให้เพิ่มขึ้น 8.9% ในปีหน้า ตามที่กรมธนารักษ์ระบุว่า การลดภาษี 15% อาจน้อยเกินไป เนื่องจากอัตราภาษีโรงแรมคำนวณจากราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
นางมาริสากล่าวว่า โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” อาจลดลงเหลือ 500,000 ห้อง โควตานี้อาจหมดก่อนวันหยุดสงกรานต์ซึ่งเป็นช่วงท่องเที่ยวที่คึกคักที่สุดสำหรับคนไทย
เธอกล่าวว่าจะดีกว่าหากโครงการร้านดีมีคู่รวมบริการโรงแรมเพื่อให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมแก่ผู้เสียภาษี
ปัจจุบันโครงการให้ส่วนลดสินค้าและบริการสูงสุด 40,000 บาท ยกเว้นสินค้าและบริการบางประเภท เช่น ทัวร์ท่องเที่ยว เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และโรงแรม
นางมาริสา กล่าวว่า ภาคการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย งบประมาณสำหรับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวที่คณะรัฐมนตรีมีกำหนดจะพิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้าควรกระจายไปยังผู้เล่นทุกคนในห่วงโซ่อุปทาน เช่น โครงการยกระดับทักษะและทักษะใหม่สำหรับพนักงานการท่องเที่ยว การสร้างธนาคารข้อมูล หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เธอกล่าว
แม้ว่าแผนการขยายเวลาปิดสถานบันเทิงตอนกลางคืนเป็น 04.00 น. จะถูกระงับอย่างไม่มีกำหนด นางมาริสา กล่าวว่า แนวคิดนี้เกิดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากบางคนชอบทานอาหารมื้อดึก เธอกล่าวว่าหากมีการพิจารณานโยบายนี้ใหม่ ก็ควรจำกัดไว้เฉพาะบางพื้นที่
ลดภาษีสำหรับตลาดทุน
นอกจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคแบบเดิมแล้ว ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ควรพิจารณาลดภาษีเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคระดับกลางและบนลงทุน กระตุ้นเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
“เราต้องการเห็นการลดภาษีเพื่อการออมระยะยาว” เขากล่าว
“หลังจากการลดหย่อนภาษีสำหรับกองทุนหุ้นระยะยาวหมดไป แรงจูงใจในการลงทุนระยะยาวก็ไม่มีอีกต่อไป มาตรการของกระทรวงการคลังที่จะให้ลดหย่อนภาษีภายใต้ ‘กองทุนเพื่อการออม’ และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพรวม 500,000 บาทต่อคนไม่พอกระตุ้นการใช้จ่าย”
นายชัยพร กล่าวว่า บลจ.รอนโยบายภาครัฐเพิ่มเติมเพื่อส่งเสริมการลงทุนระยะยาว
“สิ่งที่น่าเป็นห่วงตอนนี้คือหนี้ครัวเรือนที่สูง รัฐบาลชุดต่อไปต้องหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นวาระนโยบายแห่งชาติ เพราะหากคนไม่มีกำลังซื้อเพียงพอ เศรษฐกิจจะดิ่งลงอีกแน่นอน เราจะพึ่งการบริโภคในประเทศเพียงอย่างเดียวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้ กำลังซื้ออ่อนแอ” เขากล่าว
ในบางประเทศ รัฐบาลช่วยจัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงในปัจจุบัน ในบางพื้นที่ของเศรษฐกิจ ผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ยสูงถึง 12% ดังนั้น หากรัฐบาลสามารถให้เงินกู้แบบผ่อนปรนได้ ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและกระตุ้นการใช้จ่าย นายชัยพรกล่าว
หนี้ครัวเรือนสูง 80-90% ของจีดีพี หากไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเทศจะเผชิญกับระเบิดเวลาทางเศรษฐกิจ เขากล่าว
ประเทศไทยใช้นโยบายการเงินแบบอนุรักษ์นิยมเมื่อหนี้ครัวเรือนสูง ธปท.เตือนสถาบันการเงินระมัดระวังปล่อยกู้ป้องกันหนี้เสีย
“เราหวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะร่วมมือกับธนาคารกลางเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหานี้” นายชัยพรกล่าว