สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของไทยลดลงเหลือ 86.8% ในไตรมาส 3 จาก 88.1% ในไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนนี้ยังคงสูงที่สุดในเอเชีย และจำนวนหนี้เพิ่มขึ้นเป็น 14.9 ล้านล้านบาท (431.51 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ณ สิ้นเดือนกันยายน จาก 14.76 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน
เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงอาจขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและจำเป็นต้องลดระดับลงสู่ระดับที่ยั่งยืน
หนี้ที่สูงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ ธปท. ไม่ขึ้นดอกเบี้ยอย่างจริงจังในขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า
ธปท. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลักรวม 75 จุดตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็น 1.25% เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อและประกันการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จะมีการทบทวนนโยบายครั้งต่อไปในวันที่ 25 มกราคม ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ธปท. คาดการณ์การเติบโตที่ 3.2% ในปีนี้ และ 3.7% ในปี 2566 การเติบโต 1.5% ในปีที่แล้วเป็นหนึ่งในการเติบโตที่ช้าที่สุดในภูมิภาค (เอ็นเอ็นที)